เราทั้งหลายอาจจะทราบกันดีว่า
งาดำนั้นเป็นธัญพืชที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำหรับเอามาทำอาหาร, ของหวานต่างๆ
หรือว่านำมาใช้เป็นยาในปัจจุบัน
การได้บริโภคงาดำเป็นประจำนั้น
ย่อมทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารต่างๆที่มีอยู่หลากหลายในงาดำ แต่ทว่า
เรารู้กันหรือไม่ การบริโภคน้ำมันงาดำที่ถูกต้อง ถูกวิธี
เพื่อที่จะได้รับสารอาหารต่างๆในงาดำนั้นอย่างครบถ้วน โดยที่ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาว่า
เหตุใดเราก็กินงาดำเป็นประจำ แต่ทำไม
ร่างกายเราไม่ได้รู้สึกหรือรับรู้ได้ว่าดีขึ้นเลย
การกินงาดำมีได้หลากหลายวิธี
แต่ที่เราไม่ควรทำก็คือการกินงาดำทั้งเมล็ด
เพราะว่าโครงสร้างภายนอกของเมล็ดงาดำเล็กๆนั้นมีความแข็งแรงที่ลำไส้ของเราไม่สามารถบดย่อย
เพื่อที่จะนำสารอาหารที่อยู่ในเมล็ดงาดำออกมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น
หากเราคิดที่จะกินงาดำเพื่อสุขภาพแล้วล่ะก็
เราต้องนำเมล็ดงาดำนั้นมาบดให้ละเอียดเสียก่อน
เพื่อให้ลำไส้ของเราได้ดูดซึมสารอาหารที่มีอยู่ในงาดำได้
การที่จะกินงาดำที่บดละเอียดแล้วนั้น
ก็ต้องมั่นใจด้วยว่า เมล็ดงาดำนั้นๆไม่มีเชื้อราปนเปื้อน
เนื่องจากเมล็ดงาดำเป็นธัญพืชที่มีเชื้อราขึ้นง่ายจำพวก สารพิษอาฟล่า (Afla Toxin)
ซึ่งสารพิษนี้ส่งผลไม่ดีต่อตับและไตของเรา
ด้วยเหตุนี้ ตามทั่วไป เราจึงเห็นการนำเมล็ดงาดำมาคั่วเพื่อป้องกันเชื้อรา
แต่เราอาจลืมไปว่าในเมล็ดงาดำนั้นมีส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันอยู่กว่าครึ่งหนึ่ง
และน้ำมันงาดำนี้ก็มีจุดเผาไหม้ต่ำ
เวลาที่เรานำไปคั่วนั้นจะก่อให้เกิดสารเผาไหม้และกลายเป็นสารที่ก่อมะเร็ง (Carcinogen)
ซึ่งก็จะเป็นผลร้ายต่อร่างกายหากเราได้บริโภคเมล็ดงาดำเหล่านี้เข้าไป
การนำเมล็ดงาดำไปคั่วเพื่อกันเชื้อรานั้น
อาจดูเป็นสิ่งดีที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำมันงาดำที่ได้นั้นมีเชื้อราและไม่มีกลิ่นหืนเพราะการไหม้ของงาจะไปกลบกลิ่นหืน
แต่ด้วยวิธีการคั่วนี้ จะทำให้งาดำทำปฏิกิริยากับอากาศ
ซึ่งส่งผลให้น้ำมันงาดำที่สกัดได้ด้วยวิธีนี้มีสารอาหารและคุณประโยชน์ลดถอยลง
และด้วยเหตุดังข้างต้นที่กล่าวมานี้เอง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักโภชนาการจึงแนะนำให้เราบริโภคเมล็ดงาสดไม่ผ่านความร้อนที่ควรนำมาบดให้ละเอียด
(แต่ต้องแน่ใจว่าเมล็ดงาดำที่ได้มานั้น ปลอดเชื้อรา)
หรือบริโภคน้ำมันงาดำสกัดเย็นธรรมชาติ (โดยเมล็ดงาดำนั้นต้องปลอดเชื้อราและไม่ผ่านความร้อน)
เพื่อให้ได้รับประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพของเราอย่างสูงสุด
ในการบริโภค น้ำสกัดเย็น
เพื่อให้ได้รับประโยชน์ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดต่อร่างกายเราก็คือ
การรับประทานในแบบที่อยู่ในรูปแคปซูลเท่านั้น
เพราะว่าน้ำมันงาดำจะไม่ถูกทำปฏิกิริยากับแสงและอุณหภูมิในรูปแบบที่เป็นแคปซูลที่ห่อหุ้มน้ำมันงาดำเอาไว้
หากเราต้องการที่จะใช้น้ำมันงาดำสกัดเย็นที่บรรจุในรูปแบบอื่น เช่น
แบบที่บรรจุอยู่ในขวด ก็ควรจะซื้อที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก
เพราะทุกครั้งที่เราเปิดใช้นั้น น้ำมันงาที่อยู่ในขวดจะทำปฏิกิริยากับอากาศและแสง
ทำให้น้ำมันนั้นด้อยประสิทธิภาพและเสียเร็วขึ้น
และทำให้มีกลิ่นที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ซึ่งเราก็ควรจะเลิกใช้น้ำมันงาดำในบรรจุภัณฑ์นั้นทันที
เพราะจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันงาดำที่บรรจุในขวดหรือบรรจุภัณฑ์ที่เปิดใช้ไม่หมดในครั้งเดียวนี้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ใช้สำหรับรับประทานเป็นอย่างยิ่ง
เพราะน้ำมันงาดำนั้นจะทำปฎิกิริยา (oxidation) กับแสงและอากาศทุกครั้งที่เปิดใช้
ซึ่งก่อให้เกิดสารพิษกับร่างกายแทนที่จะได้รับประโยชน์จากการบริโภคน้ำมันงาดำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น